ดูแลรักษาสุขภาพด้วยศาสตร์การนวดน้ำมันและการนวดสุคนธบำบัด

0
888

ดูแลรักษาสุขภาพด้วยศาสตร์การนวดน้ำมันและการนวดสุคนธบำบัด

สุคนธบำบัด (Aroma Therapy) นับเป็นศาสตร์ทางศิลปะที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับวิทยาศาสตร์ และเป็นที่รูจักกันมานานกว่า 6,000 ปี มีการเริ่มต้นใช้ในอียิปต์ โดยชาวอียิปต์มักใช้การเผาให้ได้กลิ่นหอมเพอบูชาเทพเจ้า เช่น กลินแฟรงคินเซ็นซ์ (Frankincense)ในการบูชาพระอาทิตย์ ส่วนกลิ่นรา (Ra) และกลิ่นเมอร์ (Myrrh) ใช้ในการบูชาพระจันทร์ เป็นต้น

นอกจากนี้ชาวอียิปต์ยังใช้กลินจากพืชธรรมและผสมลงในอ่างเพื่อแช่ตัวชาติเพื่อความสดชื่น นิยมใช้กับน้ำมันนวดตัว

ต่อมาชาวกรีกได้นำ Aromatic Oils (น้ำมันหอมระเหย) เพอนามาใช้บำบัดรักษา Pedacius Dioscorides ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับพืชสมุนไพรกับการแพทย์ แพทย์กรีกผู้หนึ่ง ไว้เมื่อประมาณ 1,200 ปีมาแล้ววัฒนธรรมการเข้าสินในการบำบัดจากกรีกได้เผยแพร่เข้าสู่อาณาจักรโรมัน และชาวโรมัน ได้ทางการพัฒนาหลักความรู้นี้ผสมผสานกับศาสตร์อื่น เช่น ใช้น้ำมันหอมระเหยกับการนวดและการอาบ และถือได้ว่าชาวโรมันเป็นชาติแรกทีท้าการค้าเกี่ยวกับสุคนธบำบัด โดยนำเข้า

ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจากอินเดียตะวันออก และจากอาราเบีย ทำให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหยเริ่มแพร่กระจาย และได้รับความนิยมมากขึ้นหลังสงครามครูเสด ชาวอาหรับได้คิดวิธีกลั่นน้ำมันระหว่างปี ค.ศ. 980-1037 นายแพทย์ อาเซนา ชาว

หอมระเหยขึ้นเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันว่าชาวจีนรู้จัก วิธีใช้พืชสมุนไพร และกลิ่นหอมมานานพอๆ กับชาวอียิปต์ ในหนังสือสมุนไพรเล่มหนึงของจีนมีการจดได้มากกว่า 300 ชนิด และชาวจีนก็ใช้การเผาไม้หอมเพื่อบูชาเทพเจ้าเช่นเดียวกับชาวอียิปต์บันทีกไว้ว่าเมือ 2,700 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนสามารถแยกสารหอมจากพาธรรมชาติ

การนวดในรูปแบบต่างๆนั้น จะมีทั้งการนวดบนเตียงนวดไทย เตียงนวดสปา รวมไปถึงการนวดบนเบาะนวดแผนไทย ประโยชน์ของการนวดรวมทั้งการปรับปรุงกล้ามเนื้อที่ฝ่อ เชื่องช้าที่เกิดจากการใช้งานการนวดหรือสามารถแยกเส้นใยของกล้ามเนื้อและป้องกันการก่อตัวของกล้ามเนื้อตึงเครียดช่วยลดอาการอักเสบบวมในข้อต่อและเนื้อเยื่ออ่อนการนวดจะช่วย ให้กระตุ้น ให้การรับรู้และการเคลื่อนไหวทางร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น